วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log out class
Week 2

การพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ

                เทคนิคการฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องและพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง คำพูดที่ว่า ทำอย่างไรให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง หรือ ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องและทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้เก่งเป็นคำพูดที่คนส่วนใหญ่พูดกันทั้งๆที่เรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนต้องเสาะหาที่เรียนภาษาเพิ่มเติม จากที่ต้องเรียนในโรงเรียน และบางคนผ่านการเรียนภาษาอังกฤษจากสถาบันสอนภาษามาแล้วหลายสถาบัน แต่ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ บางคนอ่านภาษาอังกฤษได้ดี สามารถเข้าใจดีหรือบางคนทำคะแนนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ดี แต่ไม่สามารถพูดได้ เพราะอะไร สาเหตุสำคัญคือ การฟังภาษาอังกฤษให้เก่ง กล่าวคือ เราต้องพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษก่อนและวิธีการฟังให้ได้ผลดีคือ เราต้องฟังประโยคซ้ำๆ หลายๆรอบจนขึ้นใจและพูดตาม ออกเสียงให้เหมือนที่สุด อาจไม่เข้าใจความหมายหรือคำแปลไม่เป็นไร ก็อาจจะพูดภาษาอังกฤษให้ได้ก่อน ในที่นี้จะกล่าวถึง การพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง โดยมีเทคนิควิธีการต่างๆที่ทำให้ตนเองได้พัฒนาทักษะของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ เทคนิคที่สำคัญคือการฝึกทำซ้ำๆ


                เมื่อเราพูดประโยคภาษาอังกฤษออกมาได้แล้ว เราก็จะหลุดจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว นั่นแปลว่า เราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยค และเพิ่มประโยคภาษาอังกฤษให้มีสะสมในสมองมากขึ้น ลำดับต่อไปคือการฝึกพูดให้เร็วขึ้น เราก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษแบบอัตโนมัติจากจิตสำนึกโดยไม่ติดขัด แล้วจึงมาฝึกหรือแก้ไขคำที่เราออกเสียงยังไม่ถูกต้อง ไม่ชัด ให้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้นอาจจะหาเพื่อนชาวต่างชาติเพื่อให้เรียนได้เร็วและมั่นใจในการพูดมากขึ้น และลองมาเปรียบเทียบ ภาษาไทยที่เราพูด อ่าน และเขียนได้ในปัจจุบัน และถามตนเองว่ามีพื้นฐานมาจากอะไร หากไม่ใช่จากการฟัง ฟังจนเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับฟังมาแล้วเลียนแบบเสียงนั้นจนพูดได้ เช่นเดียวกัน หากเราได้ฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษหลายๆรอบๆบ่อยๆซ้ำๆ จนจำขึ้นใจแล้วเราจะพบว่า สามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจอย่างอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย อนึ่ง ตัวข้าพเจ้ามีปัญหาในด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการไม่ฝึกหรือพยายาม ดังนั้นข้าพเจ้าอยากพัฒนาทักษะทางด้านนี้ โดยมีวิธีการฝึกและเทคนิคการฝึก โดยสัปดาห์แรก จะเริ่มจากการดูหนัง ฟังเพลง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง และการดูยูทูปเกี่ยวกับการสนทนาภาษาอังกฤษ โดยข้าพเจ้าจะใช้วิธีการดังนี้
                วิธีการฝึกการฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลเร็ว จะมีเทคนิคคือ ฝึกการฟังจากเพลง บทสนทนา ซึ่งบทสนทนานั้นจะต้องพูดด้วยความเร็วปกติที่ชาวต่างชาติพูด จะไม่ฝึกพูดที่ช้ากว่าหรือเร็วกว่า เพราะจะมีผลต่อการพูดในสถานการณ์จริง จริงๆแล้วชาวต่างชาติที่เราพูดด้วยจะพูดด้วยความเร็วปกติ ขั้นต่อไปคือ การฝึกฟังจะเริ่มฟังครั้งละ 5-10 ประโยค ถ้าหากฟังประโยคเยอะเกินไปจนไม่สามารถจำประโยคเหล่านั้นได้ และขณะที่ฟังภาษาอังกฤษต้องมี script เสมอ ในการฝึกฟังแต่ละครั้งต้องฟังอย่างน้อย 4 รอบ รอบที่1ฟังพร้อมดู script คำใดที่เราอ่านออกเสียงไม่เหมือนกับที่เราได้ยิน เราต้องหยุดฟังซ้ำๆ จนกว่าเราได้ยินชัดเจน รอบที่2และ3 ออกเสียงตามและหลับตา และข้าพเจ้ายังมีแนวทางและวิธีการอีกวิธีหนึ่งคือ การฟังรอบแรกรวดเดียวจบโดยไม่ดูบทความ ที่แนบมากับคลิปเสียง สูดหายใจลึกๆ และการฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม การฟังและหยุดทุกๆ 5 วินาที ขณะที่หยุดนั้นให้เขียนคำหรือวลีอะไรก็ได้ที่ได้ยิน ออกมาให้ได้มากที่สุด เมื่อฟังจบแล้วจึงอ่านโน้ตย่อๆ และจับคอนเซปต์ว่าคืออะไรและการแก้ไขข้อผิดพลาดจากการเขียนครั้งแรก

                ทักษะการฟังไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาในการฝึกทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลที่ได้ในสัปดาห์แรก การฟังยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะจิตใจของข้าพเจ้ายังรับค่อนข้างไม่ดีเท่าที่ควร แต่ข้าพเจ้าจะพยายาม เวลาฟังก็อาจจะพูดตามไปด้วย การพูดตามจะทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่ฟังมากขึ้น และเป็นการรีเช็คให้มั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาในการอัฟเลเวลของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีขึ้นอยู่กับความสามารถและความมุ่งมั่น การเรียนภาษาไม่มีทางลัด การฝึกฝนเท่านั้นที่ทำให้เราเก่งได้ ในการฝึกทักษะการฟังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ค้นพบและรู้จักตนเองว่า การฟังภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอ จะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและเป็นระยะเวลานาน เพราะจากการฟังเพลงหรือดูภาพยนตร์ที่ไม่มีซับไตเติ้ล ข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจความหมาย แต่ข้าพเจ้าจะเดาความหมายของประโยคนั้นจากน้ำเสียงและท่าทางของผู้พูด แต่ในบางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เพราะเนื้อหาของภาพยนตร์หรือเพลงอาจเปลี่ยนจากความคิดของตนเองได้ จากปัญหานี้ข้าพเจ้าได้หาวิธีแก้และเทคนิควิธีการฟังและการพูด จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์แรก ข้าพเจ้าจะพยายามฝีกทักษะการฟังและการพูดให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น